we study tour logo we study tour : singapore we study tour : australia we study tour : new zealand we study tour : england we study tour : canada we study tour : switzerland

            สหราชอาณาจักรประกอบด้วยพื้นที่เกาะ 2 ส่วนใหญ่ คือเกาะใหญ่ (Great Britain) และเกาะไอร์แลนด์เหนือ (Northern Ireland) พื้นที่เกาะใหญ่ยังแบ่งออกเป็น 3 อาณาเขต คือ อังกฤษ (England) เวลส์ (Wales พื้นที่ติดกับอังกฤษ ทางทิศตะวันตก) และสก๊อตแลนด์ (Scotland อยู่ทางตอนเหนือ ของเกาะใหญ่) ทั้ง 3 อาณาเขตดังกล่าวแบ่งเป็นเขต (Region) ได้ 14 Region

 
สภาพภูมิอากาศ

            สหราชอาณาจักรเป็นประเทศที่มีอากาศเปลี่ยนแปลงมาก จัดอยู่ในประเภทค่อนข้างหนาว มีความชื้นสูง เนื่องจากสภาพภูมิประเทศเป็นเกาะ มีกระแสน้ำอุ่นและน้ำเย็นไหลผ่าน ทำให้เกิดหมอกหนาแน่นปกคลุมในบางครั้ง อากาศทางตอนเหนือจะสูงกว่าอากาศทางตอนใต้ และจะมีฝนตก ทางภาคตะวันตกมากกว่าทางภาคตะวันออก อุณหภูมิโดยเฉลี่ยต่ำสุดในเดือนมกราคม ประมาณ 5 องศาเซลเซียส และสูงสุดในเดือนกรกฎาคม ประมาณ 18 องศาเซลเซียส

 
ไฟฟ้า
          ระบบไฟฟ้าที่ใช้ในประเทศ คือ ระบบ 240 V. AC 50 Hz เหมือนในประเทศไทย แต่จะใช้ปลั๊กไฟ 3 ขา ซึ่งต่างจากบ้านเรา  หากต้องการนำอุปกรณ์ไฟฟ้า
ไปด้วย ควรจะเตรียมปลั๊กไฟฟ้า 3 ขาไปด้วยหรืออาจจะไปหาซื้อที่นั่นก็ได้
 
 
ประปา
          การประปาของสหราชอาชอาณาจักรมีระบบการทำน้ำประปาที่สะอาดมาก  ซึ่งเราสามารถดื่มน้ำจากก๊อกน้ำตามบ้านหรือสาธารณะโดยไม่ต้องผ่านการกรองได้
 

โทรศัพท์

          โทรศัพท์สาธารณะมี 2 แบบ คือ แบบหยอดเหรียญ และแบบใช้บัตรโทรศัพท์ ซึ่งสามารถซื้อบัตรโทรศัพท์ได้ที่ทำการไปรษณีย์และร้านค้าที่มีป้าย Phonecard ซึ่งมีราคาตั้งแต่ UKP 2, UKP5, UKP10 และ UKP 20ให้เลือก หากต้องการโทรศัพท์ระหว่างประเทศในราคาถูก ควรสอบถามเพิ่มเติมจากร้านค้า หรือใช้บริการ Swiftcall โดยการขอซื้อรหัสที่เรียกว่า pin ซึ่งมีจำหน่ายตามร้านขายหนังสือพิมพ์ทั่วไป
 
สกุลเงิน
          สหราชอาณาจักรใช้สกุลเงิน ปอนด์(Pound) เป็นหน่วยเงินประจำประเทศและเป็นประเทศที่มีอัตราแลกเปลี่ยนที่สูงที่สุดใน โลกอีกด้วย สกุลเงินแบ่งออกเป็น ธนบัตรทั้งหมด 4 ชนิด คือ ธนบัตรใบละ 5,10, 20 และ 50 ส่วนเหรียญแบ่งออกเป็น 8 ชนิด คือ 2 และ 1 ปอนด์ และ 50, 20, 10, 5, 2 และ 1 เพนนี
 
ระบบการศึกษา ประเทศอังกฤษ

            การศึกษาในประเทศอังกฤษ แบ่งออกเป็น 4 ระดับ

  - ระดับประถมศึกษา
  - มัธยมศึกษา
  - อาชีวศึกษา
  - อุดมศึกษา
  - สถาบันสอนภาษา
 
ปีการศึกษา
          ภาคการศึกษาของสถานศึกษาทุกระดับในราชอาณาจักร เริ่มต้น ภาคแรก ในราวปลายเดือนกันยายน หรือต้นเดือนตุลาคมของปีที่หนึ่ง และสิ้นสุดราวปลายเดือนมิถุนายน หรือต้นเดือนกรกฎาคมของปีถัดไป โดยแบ่งออกเป็น 3 ภาค คือ

  1. ภาคต้น (Autumn Term) เริ่มปลายเดือนกันยายนถึงกลางเดือนธันวาคม
  2. ภาคกลาง (Spring Term) เริ่มกลางเดือนมกราคมถึงปลายเดือนมีนาคม
  3. ภาคปลาย (Summer Term) เริ่มปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนกรกฎาคม
 
ระดับประถมศึกษา
          ระดับประถมศึกษา (Preparatory School) รับนักเรียนอายุตั้งแต่ 8 -13ปี การศึกษาในระดับนี้จะมุ่งเน้นการเตรียมตัวเข้าสอบ Common Entrance Examination (CEE) เพื่อก้าวไปสู่การศึกษาในระดับมัธยมศึกษาต่อไป
 

ระดับมัธยมศึกษา

          โรงเรียนมัธยมของเอกชน หรือ Public School รับนักเรียนตั้งแต่ 13 ปีขึ้นไปที่สอบผ่าน CEE แล้วเข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษา โรงเรียนมีให้เลือกทั้งแบบชายล้วน หญิงล้วน และสหศึกษา ทั้งแบบประจำและไป-กลับ มีโรงเรียนบางแห่งเปิดสอนเฉพาะนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษ เช่น ทางด้านดนตรี กีฬาด้วย

           ในระดับมัธยมศึกษาทางกระทรวงศึกษาธิการและวิทยาศาสตร์ของอังกฤษ ได้กำหนดให้มีการสอบวัดผลความรู้ และความสามารถ การสอบจะจัดโดยคณะกรรมาธิการอิสระซึ่งมี 5 คณะ ซึ่งผลการสอบดังกล่าว สามารถนำไปใช้ในการสมัครเข้าระดับอุดมศึกษาได้ การสอบแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

  GCSE (General Certificate of Secondary Education) การสอบระดับนี้จะสอบเมื่อนักเรียนมีอายุประมาณ 16 ปี ขึ้นไป นักเรียนต้องเลือกสอบประมาณ 8-12 วิชา เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ สังคมศึกษา ภาษาต่างประเทศ ศิลป ฯลฯ และผลการสอบจะแบ่งออกเป็น 7 ระดับ คือ Grade A, B, C, D, E, F และ G นักเรียนที่สอบได้ Grade C ขึ้นไปจึงจะถือว่าสอบผ่าน นักเรียนที่สอบ GCSE จนได้วุฒิบัตร สามารถเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรสายสามัญ "A" Level ได้ หรือหลักสูตรสายวิชาชีพ Advanced GNVQ อีก 2 ปี
  GCE A Level (GCE Advanced) เป็นการสอบวัดผลความรู้ของนักเรียนที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป วิชาที่สอบมีให้เลือกกว่า 50 วิชา โดยส่วนใหญ่จะสอบเพียง 2-3 วิชาที่มีความสัมพันธ์กัน คือ เลือกสอบทางด้าน Science หรือทางด้าน Humanities ผลการสอบแบ่งออกเป็น 5 ระดับ คือ A, B, C, D และ E ซึ่ง Grade ทั้ง 5 ระดับนี้ถือว่าสอบผ่านทั้งหมด แต่มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะรับพิจารณารับผู้ที่มีผลการสอบในระดับ C ขึ้นไป แต่มหาวิทยาลัยบางแห่งอาจจะรับผู้ที่ได้คะแนนระดับ A และ B สำหรับผลสอบ GCE "A" Level นี้ เป็นเกณฑ์ที่สถานศึกษาใชัในการพิจารณารับนักเรียนเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา
ระดับอาชีวศึกษา
          เป็นการศึกษาที่จัดขึ้นสำหรับนักเรียนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปที่ไม่ต้องการเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา แต่ต้องการเพียงคุณวุฒิวิชาชีพต่างๆ ในการทำงานสายอาชีพ สถาบันการศึกษาด้านอาชีวศึกษานี้ มีทั้งของรัฐบาลและของเอกชน
 
 
สถาบันการศึกษาของรัฐบาล
          มีประมาณ 500 แห่ง เปิดสอนหลักสูตรต่างๆ ได้แก่ บริหารธุรกิจ การโรงแรม การเกษตร วิศวกรรม ช่างเทคนิค ฯลฯ

         ในประเทศอังกฤษและเวลส์ การศึกษาระดับอาชีวะจะได้วุฒิบัตรจาก Business and Technician Education Council (BTEC) ส่วนในสกอตแลนด์ จะได้รับวุฒิบัตรจาก Scottish Vocational Education Council (SCOTVEC) แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ดังนี้ คือ

  1. First Certificate/Diploma (FC/CD)
    เป็นการศึกษาที่ต้องการช่วยเหลือผู้ที่จบการศึกษาจากโรงเรียนที่มีอายุเกินกว่า 16 ปี โดยจะได้รับประกาศนียบัตร GCSE เพียงไม่กี่วิชาหรืออาจจะไม่ได้รับเลย ซึ่งต้องการจะทำงานในสายวิชาชีพต่างๆ เป็นหลักสูตรการศึกษา 1 ปี เมื่อเรียนจบแล้วสามารถเรียนต่อในระดับสูงขึ้นไปได้

  2. National Certificate/Diploma (NC/ND)
    เป็นการศึกษาในสายวิชาชีพที่ทีคุณวุฒิสูงกว่า FC/FD ใช้ระยะเวลาในการศึกษา 2 ปี โดยรับผู้ที่มีคุณวุฒิ FC/FD หรือประกาศนียบัตร GCSE อย่างน้อย 4 วิชา ผู้ที่จบการศึกษาระดับ NC/ND นี้ นอกจากจะมีวุฒิบัตรวิชาชีพแล้ว ยังเทียบได้กับ GCE "A" Level ด้วย และหากได้คะแนนดีมาก
ก็สามารถเรียนต่อในระกับปริญญาตรีได้ด้วย

  3. Higher National Certificate/Diploma (HNC/HND)
    เป็นการศึกษาในระดับสูงสุดของระดับอาชีวศึกษา ใช้ระยะเวลาในการเรียน 2 ปี และถือว่าการศึกษาในระดับนี้เป็นการศึกษาในระดับอุดมศึกษาด้วยเช่นกัน หลักสูตรนี้รับสมัครผู้ที่จบการศึกษา NC/ND หรือผู้มีคุณวุฒิ GCSE 3 วิชา + GCE "A" Level 1 วิชา ผู้ที่จบการศึกษาระดับนี้เทียบเท่ากับ อนุปริญญาของไทยแต่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรี 1 ชั้น ทั้งนี้สามารถศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี โดยใช้เวลาศึกษาอีก 2 ปี แต่ผลการเรียนจะต้องอยู่ในขั้นดีเยี่ยม

 
สถาบันอาชีวศึกษาของเอกชน
          ควรเลือกสถานศึกษาเอกชนที่ได้รับการรับรองวิทยฐานะจาก The British accreditation council for Further and Higher Education (BAC) ซึ่งเป็นหลักประกันว่าเป็นสถาบันที่มีการเรียนการสอนที่เชื่อถือได้ สำหรับวุฒิการศึกษาที่ได้รับ จะได้เพียงประกาศนียบัตรเท่านั้น
 
 
ระดับอุดมศึกษา (Higher Education)
          หลักสูตรระดับอุดมศึกษา สามารถแบ่งออกเป็น

  Undergraduate
  BTEC HNC/HND หรือ Diploma of Higher Education (Dip. HE) เป็นหลักสูตร 2 ปี ส่วนใหญ่จะเปิดสอนอยู่ใน College of Higher Education โดยมหาวิทยาลัยบางแห่ง รับเปิดรับผู้สอบ "A" Level อย่างน้อย 1 วิชา หรือสำเร็จการศึกษาระดับ National Diploma การสมัครเข้าศึกษาต่อนั้นต้องสมัครผ่าน UCAS เช่นเดียวกับในระดับปริญญาตรี
  First Degree (Bachelor Degree) เป็นหลักสูตรการศึกษา 3 ปี ยกเว้นบางสาขาวิชา เช่น วิศวกรรมศาสตร์ (4 ปี) สถาปัตยกรรมศาสตร์ (5 ปี) ทันตแพทย์ (5 ปี) สัตวแพทย์ (5 ปี) แพทย์ (6 ปี)
     
  Post - Graduate การศึกษาในระดับสูงกว่าระดับปริญญาตรีแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ
  Post - Graduate Certificate Diploma หลักสูตรการศึกษา 9 เดือนถึง 1 ปี รับสมัครผู้สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีเข้าศึกษาต่อ
  Master Degree หลักสูตรการศึกษา 1-2 ปี รับสมัครผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีที่มีผลการเรียนดี
  Doctoral Degree หลักสูตรการทำวิจัย ใช้เวลาในการศึกษา 3 ปี มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่รับสมัครผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตร M. Phil
 
 
สถาบันสอนภาษา
          มีสถาบันสอนภาษาอังกฤษที่เป็นของเอกชน และสถาบัน อาชีวศึกษา อยู่ทั่วไปเปิดสอนหลักสูตรทั้งระยะสั้น อย่างน้อย 4 อาทิตย์ และระยะยาว คือ 1 ปี
เปิดรับนักศึกษาใหม่ตลอดทั้งปี ทั้งหลักสูตรภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐาน หรือ เพื่อใช้สอบ TOEFL หรือ IELTS รวมถึงหลักสูตรระยะสั้นสำหรับ Business Course ต่างๆ
 


 
 
   
   
   
   
We Study Tour
© สงวนลิขสิทธิ 2553 We Study Tour